FUI
ปลูกผม FUI เทคนิคการปลูกผม ไร้รอยแผล ให้มั่นใจ ไม่ต้องโกน
การ ปลูกผม FUI แบบโกนผมเป็นการผสมผสานระหว่างวิธีการปลูกผมแบบ FUE และการใช้ Implanter ปัจจุบันวิธีการผ่าตัดปลูกผมแบบเดิมไม่ได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากมักมีรอยแผล เพื่อแก้ไขปัญหานี้ จึงมีการคิดค้นเทคนิคใหม่ๆ ที่เรียกว่า การปลูกผมไร้รอยแผล FUI ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างวิธี FUE และการใช้เครื่องมือพิเศษที่มีหัวเจาะขนาดเล็ก
เทคนิคนี้ไม่ต้องการการตัดผมหรือการโกนผมสั้น แต่จะเจาะหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยด้วยช่องเจาะขนาดเล็ก แล้วนำเอารากผมมาปลูกโดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า DHI Implanter ปักเข้าไปบริเวณที่มีศีรษะล้าน ซึ่งมีขนาดเล็กมากแทบจะมองไม่เห็น วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีศีรษะล้าน ผมบาง
พฤติกรรมเสี่ยงผมบาง ผมร่วง หัวล้าน
-
การประสบความเครียด
การประสบความเครียด ความเครียดทั้งในด้านร่างกายและจิตใจสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสภาพสุขภาพของผมได้ เช่น เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ที่เครียด เรามักจะไม่มีเวลาเพียงพอในการดูแลสุขภาพผมหรือระบบฮอร์โมนของเรา ซึ่งอาจส่งผลให้ผมบางได้
-
การขาดสารอาหาร
สารอาหารที่เป็นประโยชน์สำหรับการเจริญเติบโตและฟื้นฟูเซลล์เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพผม การรับปริมาณสารอาหารไม่เพียงพอหรือไม่สมดุลอาจทำให้เส้นผมและรากผมอ่อนแอและเสี่ยงต่อการร่วง
-
การพักผ่อนไม่เพียงพอและฮอร์โมน
การนอนหลับไม่เพียงพอและฮอร์โมนที่ไม่สมดุลอาจส่งผลต่อสุขภาพผมได้ ซึ่งอาจทำให้เส้นผมและรากผมของเราอ่อนแอและเล็กลง
-
การใช้สารเคมีสำหรับจัดแต่งทรงผม
สารเคมีในผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการจัดแต่งทรงผม อาจมีส่วนประกอบที่ทำให้เส้นผมและหนังศีรษะเสียหายได้ เช่น การใช้สารเคมีที่มีความเข้มข้นมากเกินไป
-
การสระผมหรือการใช้ทรีทเม้นต์ผมที่ไม่เหมาะสม
การที่เราทำความสะอาดผมอย่างมากเกินไปหรือใช้ทรีทเม้นต์ที่รุนแรงกับเส้นผมอาจทำให้เส้นผมและหนังศีรษะของเราเสียหายได้
-
การสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่อาจส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดและการออกฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมได้
วงจรการเจริญเติบโตของเส้นผม
∘ ระยะ Anagen phase เป็นช่วงเวลาที่เส้นผมเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ ต่อมผมจะตั้งอยู่ลึกในชั้นหนังแท้ของฝั่งหนึ่งของหนังศีรษะ มีรากลึกและเส้นผมจะมีสีเข้ม ระยะนี้มักอยู่ประมาณ 4 ปี ก่อนที่จะเข้าสู่ระยะต่อไป
∘ ระยะ Catagen phase เป็นช่วงเวลาที่เส้นผมเริ่มหยุดการเจริญเติบโตและเตรียมตัวสำหรับการร่วงลง ต่อมผมจะเลื่อนสูงขึ้นและแยกตัวจากเส้นเลือดที่เคยมาเลี้ยง ระยะนี้สามารถมีอยู่ประมาณ 10 วัน
∘ ระยะ Telogen phase เป็นช่วงเวลาที่เส้นผมหยุดการเจริญเติบโตและเริ่มระหว่างการร่วง ต่อมผมจะเลื่อนตัวสูงขึ้นและเส้นผมจะร่วงลง ระยะนี้ใช้เวลาประมาณ 100 วัน ในขณะเดียวกันเส้นผมใหม่กำลังเตรียมตัวสำหรับระยะ Anagen ของวงจรถัดไปของการเจริญเติบโตของผม
ปกติเส้นผมบนหนังศีรษะมีประมาณ 100,000 เส้น โดยเส้นผม 10% จะอยู่ในระยะ telogen ซึ่งร่วงได้ประมาณ 100 เส้นต่อวัน การร่วงของเส้นผมบนหนังศีรษะของมนุษย์ เป็นแบบ mosaic pattern คือ ร่วงจากทุกจุดสลับกันไป ไม่เหมือนของสัตว์มีขน ที่จะร่วงเป็นชุดๆ จากหัวไปหาง หรือจากท้องไปหลัง เรียกว่าเป็น wave pattern
DHI และ FUE ควรปลูกผมวิธีไหนดีถึงเห็นผลชัดที่สุด?
DHI (Direct Hair Implantation) เป็นวิธีการปลูกผมที่นำกราฟต์หรือกอผม 1 - 4 เส้นมาจากหลังศีรษะหรือ Donor Area เพื่อปักเข้าไปในบริเวณที่ต้องการโดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า DHI Implanter แพทย์สามารถปลูกและปักผมได้ทีละเส้นในครั้งเดียว ไม่ต้องใช้เวลาในการปลูกแยกเส้นผมและปักผม วิธีนี้ยังช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับรากและเส้นผมที่เสียหายจากการปลูกผมด้วย
FUE (Follicular Unit Excision) คือวิธีการปลูกผมที่แพทย์จะเจาะกราฟต์จากพื้นที่ผมหลังหรือ Donor Area ออกมาเป็นรูเดี่ยวๆ อย่าง FUE เดียวกัน แต่ต่างกันที่ว่าไม่ใช้ DHI Implanter ในการปักและปลูกผม แทนที่นั้นแพทย์จะใช้เข็มเจาะเพื่อทำรูในหนังศีรษะก่อน จากนั้นจึงใช้คีมหนึ่งในการเปิดรูบนหนังศีรษะที่เจาะไว้ และอีกคีมหนึ่งในการคีบและปักเซลล์รากผมที่ได้มาจาก Donor Area ลงในรูที่เปิดไว้ก่อนหน้านั้น
ความแตกต่างของ FUE และ DHI ที่ชัดเจน
∘ กระบวนการปลูกผม - FUE กระบวนการเจาะและเก็บเอากราฟต์จาก Donor Area จะทำก่อน แล้วค่อยๆ ปลูกในบริเวณที่ต้องการ - DHI กระบวนการปักและปลูกผมจะทำพร้อมกันในคราวเดียว โดยใช้ DHI Implanter
∘ ราคา - DHI มักจะมีราคาที่สูงกว่า FUE เนื่องจากใช้เครื่องมือพิเศษและความชำนาญของแพทย์ในการทำ
∘ เวลาการฟื้นตัว - ทั้ง FUE และ DHI มีเวลาการฟื้นตัวที่แตกต่างกันไป โดยโดยส่วนใหญ่แล้วผลลัพธ์ที่เห็นได้จะเกิดในช่วง 3-6 เดือนหลังจากการทำ
การเลือกใช้วิธีการปลูกผมด้วยวิธีใดขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความต้องการของแต่ละบุคคล รวมถึงความพร้อมทางการเงินด้วยนั่นเอง การปรึกษาและศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกทำการปลูกผมแบบ FUE หรือ DHI
เทคนิคพิเศษ และ ขั้นตอนการทำการปลูกผม FUI
เทคนิคพิเศษในการปลูกผมแบบ Follicular Unit Implantation (FUI) นั้นเกิดจากการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว เช่น FUE (Follicular Unit Extraction) และเครื่องมือที่เรียกว่า Implanter Pen หรือ DHI Implanter ซึ่งช่วยให้กระบวนการ FUI มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเทคนิคนี้มีลักษณะ คือ
∘ การเก็บเส้นผม การใช้เทคนิค FUI จะเริ่มต้นด้วยการเก็บเส้นผมโดยใช้เทคโนโลยี FUE เหมือนกับในกระบวนการปลูกผมแบบธรรมดา โดยเส้นผมจะถูกเก็บมาจากพื้นที่ที่มีการเจริญเติบโตอยู่ของผม
∘ การเตรียมเส้นผม เส้นผมที่ถูกเก็บมาจะถูกเตรียมให้เป็นฟอลลิคูลาร์ยูนิต (follicular unit) ซึ่งประกอบด้วยเส้นผมหลายเส้นและรากผม เหมือนกับในกระบวนการ FUE ทั่วไป
∘ การเตรียมบริเวณ ในขั้นตอนนี้เกิดการใช้ Implanter Pen หรือ DHI Implanter เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการเจาะรูในหน่วยของผมที่มีการสูญเสีย โดยการใช้เครื่องมือพิเศษนี้ช่วยลดการทำลายบริเวณรอยแผลและเส้นผมที่ยังอยู่ในสภาพดี
∘ การปลูกเส้นผม เส้นผมที่ถูกเตรียมไว้ในรูปแบบของฟอลลิคูลาร์ยูนิตจะถูกปลูกในรูในหน่วยของผม โดยการใช้ Implanter Pen หรือ DHI Implanter เป็นช่องทางในการปลูกเส้นผมโดยตรง ทำให้กระบวนการเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีความแม่นยำ
∘ การรักษาหลังการผ่าตัด หลังจากการปลูกผมเสร็จสิ้น ผู้ปลูกผมจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผมหลังการผ่าตัด เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้มีคุณภาพและมีความสมบูรณ์ที่สุด
ด้วยการใช้เทคนิค FUI ที่ผสมผสานระหว่าง FUE และ Implanter Pen หรือ DHI Implanter นี้ ทำให้กระบวนการปลูกผมมีประสิทธิภาพมากขึ้นและช่วยลดความเสี่ยงในการทำรอยแผลที่เกิดขึ้นในกระบวนการ FUE แบบทั่วไป
การ FUI เป็นวิธีที่มีความแม่นยำและประสิทธิภาพในการปลูกผม และมักจะให้ผลลัพธ์ที่ดีและธรรมชาติที่สุดในการซ่อมแซมผมที่หายไปหรือผมที่บางลง อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบความเหมาะสมและการปรึกษากับแพทย์ผมก่อนการตัดสินใจเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกทำ FUI อย่างถูกต้องและปลอดภัย
การปลูกผมแบบ FUI วิธีนี้เหมาะสำหรับใคร?
การปลูกผมแบบ FUI (Follicular Unit Implantation) เหมาะสำหรับผู้ที่มีความผิดปกติในการเจริญเติบโตของเส้นผม ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น การ ผมร่วง ผมบาง ที่เกิดจากสมรรถภาพของระบบฮอร์โมนที่ผิดปกติ การสูญเสียเส้นผมเนื่องจากการสูญเสียสมดุลในอาหารหรือสภาพแวดล้อม หรือแม้กระทั่งผู้ที่มีผมบางเป็นเพราะลักษณะการพัฒนาทางสายพันธุ์ นอกจากนี้ ผู้ที่มีรอยแผลหรืออาการตายของเซลล์ผมในบริเวณที่ต้องการปลูกผมก็อาจพบปัญหาเดียวกันได้
นอกจากนี้ เทคนิค FUI ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยเฉพาะในบริเวณที่ต้องการปลูกผมอย่างละเอียดอ่อน เช่น หน้าผาก และระหว่างชั้นผม การใช้เทคนิค FUI ช่วยลดการทำลายรอยแผลที่เกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการปลูกผม และช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นโดยไม่ต้องพบกับรอยแผลหรือความผิดปกติใด ๆ ในหน้าผากหรือบริเวณอื่น ๆ ของหน้าผากที่ผ่านการปลูกผมแล้ว
ข้อดีของการปลูกผม FUI
ข้อเสียของการปลูกผม FUI
ข้อแตกต่างระหว่าง FUE และ FUI
FUE (Follicular Unit Extraction) และ FUI (Follicular Unit Implantation) เป็นวิธีการปลูกผมที่ใช้ในการรักษาปัญหา ผมร่วง หรือบางขนาดของปัญหาผมบางในผู้ที่ประสบกับศีรษะล้าน แต่มีข้อแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ คือ
∘ FUE (Follicular Unit Extraction)
การดึงเอาเซลล์ผม ใช้เครื่องมือเจาะเล็กๆ เพื่อดึงเซลล์ผมจากแหล่งที่มีผมเต็มไปด้วยตามหน่วยผม (Follicular Units) ออกมา โดยไม่ต้องตัดเปลือกหรือผิวหนังศีรษะเพื่อรับประกันผลลัพธ์ที่เป็นฝังเม็ด (graft) ที่มีคุณภาพสูง
∘ FUI (Follicular Unit Implantation)
การปลูกผม ใช้เครื่องมือเจาะเล็กๆ เพื่อสร้างช่องว่างในหนังศีรษะเพื่อรับเซลล์ผม จากนั้นเซลล์ผมที่ถูกถูกดึงออกจากแหล่งต้นกำเนิดจะถูกปลูกกลับเข้าไปในช่องว่างนั้น
การปลูกผมได้ทันที เซลล์ผมถูกปลูกเข้าไปในหนังศีรษะในขณะเดียวกันกับการที่ถูกดึงออกมา ทำให้เวลาการปฏิบัติหรือกระบวนการที่ยืดหยุ่นขึ้น
ระยะเวลาการรักษาที่ต่ำ การทำ FUI ไม่ต้องการเวลานานในการรักษาหลังการทำ และมักไม่ต้องการการผ่าตัดหรือการทำแผลในหนังศีรษะให้ซับซ้อน
ดังนั้น การตัดสินใจเลือกใช้วิธีการไหนขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความต้องการของแต่ละบุคคล รวมถึงความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ที่ทำการรักษาด้วยด้วย การปลูกผมแบบ FUI มักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า FUE และอาจมีเวลาในการฟื้นฟูที่นานขึ้น และในขณะเดียวกัน FUI มักมีการฟื้นฟูที่เร็วกว่าและมีความสะดวกสบายมากขึ้น
เปรียบเทียบกราฟต์ผมเทคนิค FUE และ Advanced FUI
ในกระบวนการปลูกผมแบบ FUI Hair Transplant หลังจากทีมแพทย์เจาะกราฟเสร็จสิ้น จะนำกราฟผมที่เจาะได้จากบริเวณท้ายทอยของผู้รับการรักษามาฝังกราฟตามบริเวณที่ต้องการปลูกผม ผู้รับการรักษาจะเห็นแนวผมใหม่ที่ดกดำขึ้นทันทีหลังจากการปลูกผม เมื่อเทียบกับเทคนิคเดิม กระบวนการนี้อาจใช้เวลาในการดำเนินการนานกว่าเพราะการใช้เทคโนโลยีที่มีความสูงขั้นมากขึ้น
สำหรับ FUE Hair Transplant กราฟผมจะถูกเจาะออกมาและมีลักษณะตอผมสั้นเพียงอย่างเดียว การเจาะจะเป็นไปตามเส้นที่ต้องการปลูกผม และหลังจากนั้นจะได้รับกราฟผมที่ถูกคัดเลือกมาเพื่อฝังไว้ในส่วนที่ต้องการ ผู้รับการรักษาจะต้องรอให้ผมขึ้นเต็มเป็นเวลาประมาณ 6-10 เดือน จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ตรงตามความคาดหวัง
การปลูกผมแบบ FUE เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยและมีผลลัพธ์ที่ดีในการเพิ่มความหนาแน่นให้กับผมและลดปัญหาผมร่วงอย่างมีประสิทธิภาพ วิธีนี้ไม่ทำให้เกิดแผลหรือรอยเป็นหลังการทำ และผู้ที่ได้รับการปลูกผม FUE สามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติได้เร็วทันใจโดยไม่ต้องมีเวลาพักฟื้นนาน นอกจากนี้ ผลลัพธ์จากการปลูกผม FUE มีลักษณะเป็นธรรมชาติ และการดูแลผมหลังการปลูกเรียบง่าย ทั้งนี้ การตัดสินใจที่จะลงทุนในการปลูกผม FUE นั้นมีความคุ้มค่า เนื่องจากสามารถเพิ่มความมั่นใจและความพึงพอใจในรูปร่างของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมต้องเลือกปลูกผมที่ THE SKIN CLINIC
-
ที่ The Skin Clinic เรามีเหตุผลมากมายที่ทำให้เราเป็นตัวเลือกที่ดีในการปลูกผม
การปลูกผมแบบ Long Hair FUI ถูกพัฒนาโดยทีมแพทย์ปลูกผมของ The Skin Clinic จากเทคนิคปลูกผม FUE โดยไม่ต้องโกนหรือตัดผมสั้น ไม่มีแผลเย็บ การใช้หัวเจาะขนาดเล็กพิเศษในการดึงกราฟต์ผมออกมาและปลูกทันทีที่ผมยาว ทำให้สามารถสร้างแนวผมใหม่ได้ตามความต้องการ มีประสิทธิภาพในการรักษาผมบาง ผมร่วง หรือผมระคายเที่ยง โดยผลลัพธ์ที่ได้จะไม่มีแผลหลังเจาะกราฟต์ออก ใช้เวลาเท่าเทียมกับ FUE Short Hair เนื่องจากมีทีมแพทย์ปลูกผมที่เชี่ยวชาญในเทคนิค Long Hair มากมาย วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือผมระคายเที่ยงโดยไม่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว เหมาะสำหรับผู้ชาย ผู้หญิง และทุกเพศอีกด้วย
-
-
-
-